วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สมสิบ

สมสิบเป็นการเล่นไพ่จับคู่แล้วต้องบวกกันให้ได้สิบเหมือนกับชื่อ ต้องอาศัยเทคนิคหลายอย่าง เช่น การทายใจผู้เล่น ความน่าจะเป็น นักคณิตศาสตร์มักจะได้เปรียบกับการเล่นแบบนี้ การเล่นเกมส์สมสิบจะต้องมีผู้เล่นจำนวน 2-6 คน ไม่เกินกว่านี้เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้การชนะกันในเกมส์เป็นไปได้ยาก



อุปกรณ์ในการเล่นไพ่หนึ่งสำรับ

ผู้เล่นจำนวน 2-6 คน ถ้าจะให้สนุกควรมี 4-6 คน

เวลาที่ใช้ ไม่เกิน 15 นาที ต่อเกม

ทักษะที่ใช้การคาดคะเน , ความน่าจะเป็น , การตัดสินใจ และดวง


ขั้นตอนการเล่นสมสิบ


1. สมาชิกทุกคนจะได้รับไพ่จากการแจกเรียงตามลำดับจนครบคนล่ะ 5 ใบ และมีไพ่ตะตรงกลางวงอีกหนึ่งใบ

2. คนที่หนึ่งจะไม่มีสิทธิ์ในการจั่วไพ่จากกอง ให้มีสิทธิ์แค่ไพ่ที่อยู่ตรงกลางที่แตะไว้เท่านั้น ให้ดูที่ไพ่ของตัวเองว่าสามารถเก็บไพ่ที่แตะมาเข้าคู่สิบได้หรือไม่ ถ้าได้ให้เก็บไพ่ใบนั้นขึ้นมา แล้วเลือกทิ้งไพ่ในมือลงไปแทนจำนวนหนึ่งใบ แต่ถ้าไม่มีคู่ก็บอกว่าผ่านให้คนที่สองเล่นต่อไป

3. คนที่สองมองไพ่จากที่คนแระทิ้งมา จะเก็บก็ได้ ( สามารถเก็บได้แค่คนที่ก่อนหน้าทิ้งเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์เก็บใบอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ) หรือจะเลือกจั่วก็ได้ แล้วก็ทิ้งไพ่ไว้ให้คนที่สาม สี่ ต่อ ๆ ไป ตามลำดับ

4. เมื่อมีใครได้คู่สองคู่ในมือแล้วจะเหลือไพ่หนึ่งใบ ไพ่ใบที่เหลือสามารถน็อคหรือชนะได้ทันทีที่มีคนทิ้งไพ่ที่เป็นคู่ของไพ่ใบ ที่เหลือลงมา โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นของคนก่อนหน้าทิ้งเท่านั้น

5. ในกรณีทึ่มีคนชนะพร้อมกันให้ดูเรียงตามขาไพ่ คือดูตามรอบไพ่ใครเป็นคิวที่ได้เล่นใกล้คนที่ทิ้งมากที่สุดถือว่าชนะ

ไพ่ รัมมี่


รัมมี่

รัมมี่ (Rummy) เป็นเกมไพ่จับ คู่ ในการเล่นอาศัยการอ่านใจและอ่านไพ่บนมือคู่ต่อสู้ มากกว่าดวง นักคณิตศาสตร์หรือนักสถิติจะได้เปรียบในการแข่งรัมมี่ (หรือแม้แต่เกม โปเกอร์) การเล่นรัมมี่จะใช้เวลาค่อนข้างนาน แล้วแต่จำนวนผู้เล่น ดังนั้น ในความเป็นจริง นักพนันทั่วไปจึงไม่นิยมเล่นเกมนี้ เพราะได้เสียกันช้ากว่าเกมอื่นเช่น ป๊อกเด้ง ที่มีรอบการได้เสียหมุนเร็ว สิ่งที่สนุกในเกมไพ่รัมมี่ นอกจากการแข่งขันในเกมปกติคือ การกินมืด หรือ น๊อคมืด ซึ่งสิ่งนี้มีผลทางจิตวิทยาในแข่งอีกด้วย

เกมรัมมี่มีหลายแบบ แบบที่นิยมในประเทศไทยคือ ดัมมี่ รัมมี่ (en:Dummy rummy) หรือคนไทยเรียกว่า "ดัมมี่"


จำนวนผู้เล่น


2-4 คน


การแจกไพ่


ผู้เล่น 2 คน แจกคนละ 11 ใบ ผู้เล่น 3 คน แจกคนละ 9 ใบ ผู้เล่น 4 คน แจกคนละ 7 ใบ

(ในบางกติกา สำหรับผู้เล่น 2 คน หลังจากแจกไพ่แล้ว จะคัดไพ่ 5 ใบจากก้นกองออกแยกไว้ เพื่อให้เป็นการยากแก่การนับไพ่ทำให้เกมท้าทายยิ่งขึ้น)


กติกา


หลังจากแจกไพ่แล้ว ไพ่ที่เหลือคือกองจั่ว ผู้แจกเปิดไพ่ใบบนสุดและวางไว้ข้าง ๆ กองจั่ว ไพ่ใบนั้นถือเป็นกองกลางสำหรับทิ้งไพ่ ผู้เล่นคนแรกเริ่มโดยการจั่วไพ่หนึ่งใบจากกองจั่ว หรือเก็บไพ่จากกองกลางก็ได้ หลังจากนั้นจึงทิ้งไพ่ลงมาหนึ่งใบโดยวางเรียงต่อจากไพ่กองกลางสำหรับผู้เล่น คนถัดมาผู้เล่นคนถัดมาเลือกว่าจะจั่วจากกองจั่วหรือเก็บไพ่จากกองกลาง จากนั้นจึงทิ้งไพ่หนึ่งใบโดยวางเรียงต่อจากไพ่กองกลางสำหรับผู้เล่นคนถัดมา เป้าหมายคือ ผู้เล่นแต่ละคนจะพยายามเรียงไพ่เป็นชุด ๆ ชุดละอย่างน้อยสามใบ คือ จัดตอง (เช่น 7 7 7 หรือ J J J J) หรือเรียงไพ่ในดอกเดียวกัน (เช่น 4 5 6 ข้าวหลามตัด หรือ 10 J Q K หัวใจ) ในเกมรัมมี่นี้ลำดับไพ่คือ 2 3 4 5 6 7 8 9 10 J Q K A เวลาทิ้งไพ่ลงบนกองกลาง ให้จัดเรียงเป็นแถวเพื่อให้สามารถเห็นไพ่แต่ละใบที่ทิ้งลงมาตามลำดับ เวลาเก็บไพ่จากกองกลาง จะต้องมีไพ่อยู่ในมือแล้วอย่างน้อยหนึ่งใบที่จะนำมารวมให้เข้าชุดกับใบที่ เก็บได้ และจะต้องวางไพ่ชุดนั้นหงายขึ้นบนโต๊ะทันที ซึ่งเมื่อผู้เล่นเก็บไพ่จากกองกลางเป็นครั้งแรก จะถือว่าผู้เล่นคนนั้น "เกิด" ซึ่งในตาถัด ๆ มา ผู้เล่นคนนั้นจะสามารถเปิดหงายไพ่ที่เข้าชุดแล้วลงบนโต๊ะได้ เวลาเก็บไพ่จากกองกลาง ให้เก็บโดยรวบจากใบที่ต้องการจะจัดเข้าชุด ลงมาถึงใบสุดท้าย



การฝาก


การฝากคือการต่อไพ่อย่างน้อยหนึ่งใบ (ใบฝาก) จากชุดที่วางออกบนโต๊ะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชุดของผู้เล่นคนอื่น หรือของตัวเองก็ตาม เช่น ถ้าผู้เล่น ก. วางไพ่ชุด 8 9 10 J ดอกจิกลงบนโต๊ะ ผู้เล่น ข. มีสิทธิฝาก Q ดอกจิก (หรือ 6 7 ดอกจิก ด้วยก็ได้) โดยการวางไพ่เหล่านั้นลงเมื่อถึงตาของผู้เล่น ข. ซึ่งหากผู้เล่น ข. ฝากด้วยการวาง 7 ดอกจิกลง ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็จะสามารถฝาก 6 ดอกจิกต่อได้เช่นกัน หากผู้เล่น ก. วางชุดตอง 9 9 9 ลงบนโต๊ะ ผู้เล่นใดที่มีเบอร์ 9 ใบที่เหลือก็สามารถฝากได้เช่นกันเมื่อถึงตาของตน การฝากนั้นจะวางไพ่ลงได้ก็ต่อเมื่อเป็นตาของผู้เล่นที่มีใบฝากและหากผู้ เล่นได้ "เกิด" แล้ว หรือจะถือใบฝากไว้ในมือจนกระทั่งจบเกมก็ได้


วิธีจบเกมหรือ "น็อค"


เมื่อไรที่ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดได้จั่วไพ่ หรือเก็บไพ่จากกองกลางแล้ว และจัดเข้าชุดหรือ "ฝาก" ได้ครบหมด และเหลือไพ่อีกเพียงใบเดียว ถือว่าผู้เล่นผู้นั้น "น็อค" โดยผู้เล่นจะวางไพ่ในมือลงทั้งหมด และคว่ำไพ่ใบสุดท้ายนั้นลง


การนับแต้ม


ผู้เล่นแต่ละคนจะนับแต้มของตนเมื่อมีการจบเกมหรือ "น็อค" เบอร์ 2 3 4 5 6 7 8 9 ใบละ 5 แต้ม เบอร์ 10, J, Q, K ใบละ 10 แต้ม A ใบละ 15 แต้ม ไพ่สเปโตคือไพ่พิเศษซึ่งมีคะแนน 50 แต้มคือ 2 ดอกจิก และ Q โพดำไพ่ใบที่ใช้ "น็อค" ก็ถือว่ามีคะแนน 50 แต็มเช่นกัน ผู้เล่นจะได้แต้มเฉพาะจากไพ่ที่ได้วางหงายขึ้นบนโต๊แล้วเท่านั้น ไพ่ที่เหลืออยู่ในมือ ไม่ว่าจะเข้าชุดแล้วหรือเป็นใบฝากหรือไม่ก็ตาม จะต้องถูกติดลบ ผู้เล่นผู้ใดที่สะสมคะแนนได้ถึง 500 แต้มก่อนเป็นผู้ชนะ


การน็อคมืด


หากผู้เล่นคนใดสามารถ "น็อค" ได้โดยมิได้เก็บไพ่จากกองกลางเลย (คือจั่วจากกองจั่วเท่านั้น) หรือเก็บไพ่จากกองกลางแล้วก็ "น็อค" ทันทีโดยที่ไม่ได้ "เกิด" มาก่อน ถือว่าผู้เล่นคนนั้น "น็อคมืด" ซึ่งแต้มของผู้น็อคมืดในเกมนั้นจะได้เป็นสองเท่า

การเน่ามืด

หากผู้เล่นคนใดไม่ได้เก็บไพ่จากกองกลางหรือ "เกิด" เลย แล้วผู้เล่นคนอื่น "น็อค" ถือว่าผู้เล่นคนนั้นเน่ามืด แต้มที่ถืออยู่ในมือทั้งหมดจะถูกติดลบเป็นสองเท่า

การโง่

หากผู้เล่นคนใดทิ้งไพ่ลง และผู้เล่นคนถัดมาเก็บไพ่ใบนั้น ๆ เพียงใบเดียวแล้วน็อค ผู้เล่นที่ทิ้งไพ่จะถูกหักอีก 50 แต้ม หรือ "โง่" และเกมถัดมาให้แจกไพ่วนย้อนกลับ


กติกาพิเศษ


ผู้เล่นควรตกลงกันก่อนว่าจะใช้กติกาพิเศษเหล่านี้หรือไม่ กติกาบางข้อทำให้เกมท้าทายยิ่งขึ้น

1.หากไพ่ใบสุดท้ายที่ใช้น็อคเกมเป็นไพ่สเปโต (2 ดอกจิก หรือ Q โพดำ) ไพ่ใบนั้นมีค่า 100 แต้ม

2. ผู้เล่นคนใดที่ทิ้งใบฝากจะถูกหัก 50 แต้ม

3. ไพ่ใบแรกสุดที่เปิดออกเป็นกองกลางมีค่า 50 แต้ม หากไพ่ใบแรกนั้นเป็นสเปโตจะมีค่า 100 แต้ม หากใครทิ้งไพ่ที่อยู่ในละแวกของไพ่ใบแรกนั้นลงมา ส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถเก็บไพ่ใบแรกนั้นได้ จะถูกหัก 50 แต้ม เช่น หากไพ่ใบแรกคือ 7 หัวใจ ผู้เล่น ก . ทิ้งไพ่ 9 หัวใจ ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่น ง. ซึ่งมี 8 หัวใจอยู่ในมือสามารถเก็บชุด 7 8 9 หัวใจได้ ผู้เล่น ก. จะถูกหัก 50 แต้ม ผู้ที่ทิ้งไพ่นั้นจะรอดจากการถูกหัก 50 แต้มหากไม่มีใครสามารถเก็บใบแรกนั้นไปใช้ได้ จนกระทั่งวนครบรอบและกลับมาเป็นตาของผู้ที่ทิ้งไพ่นั้น เช่นจากตัวอย่างเดิม หากผู้เล่น ข. ค. และ ง. ไม่สามารถเก็บ 7 หัวใจและ 9 หัวใจมาใช้ได้ จนกระทั่งเวียนกลับมาเป็นตาผู้เล่น ก. อีก ผู้เล่น ก. จะไม่ถูกหัก 50 แต้ม (ในกรณีนี้ 4 ดอกจิกหรือ 10 ดอกจิกไม่ถือว่าอยู่ในละแวกของ 7 ดอกจิก เฉพาะ 5 6 8 9 ดอกจิก และ 7 ดอกอื่น ๆ เท่านั้นที่นับว่าอยู่ในละแวกเดียวกับไพ่ใบแรก)

4. หากผู้ใดทิ้งไพ่ที่สามารถรวมเข้าชุดได้กับไพ่ในกองกลางอย่างน้อยสองใบ จะถูกหัก 50 แต้ม เช่น หากในกองกลางมีไพ่ 10 ดอกจิกและ Q ดอกจิก ผู้เล่นที่ทิ้ง J ดอกจิกจะถูกหัก 50 แต้มโดยทันที หรืออีกตัวอย่างเช่น หากกองกลางมี K อยู่แล้วสองใบ ผู้เล่นที่ทิ้ง K ลงมาอีกใบจะถูกหัก 50 แต้มทันที

5. หากมีไพ่สเปโตอยู่ในกองกลางอยู่แล้ว แล้วผู้เล่นใดที่ทิ้งไพ่ที่อยู่ในละแวกของสเปโตลงมา ส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถเก็บไพ่สเปโตนั้นไปใช้ได้ ผู้เล่นนั้นจะถูกหัก 50 แต้ม ผู้ที่ทิ้งไพ่จะรอดจากการถูกหัก 50 แต้มก็ต่อเมื่อไม่มีใครสามารถเก็บไพ่สเปโตไปใช้ได้จนกระทั่งวนกลับมาหาผู้ ที่ทิ้ง เช่นหากในกองกลางมีสเปโต Q โพดำอยู่แล้ว ผู้เล่นใดที่ทิ้ง Q ดอกอื่นลงมาส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถเก็บชุด Q Q Q ได้ ผู้นั้นจะถูกหัก 50 แต้ม

6. หากมีไพ่ที่อยู่ในละแวกของสเปโตอยู่ในกองกลางอยู่แล้ว แล้วผู้เล่นใดที่ทิ้งไพ่สเปโตลงมา ส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถเก็บไพ่สเปโตนั้นไปใช้ได้ ผู้เล่นนั้นจะถูกหัก 50 แต้ม ผู้ที่ทิ้งไพ่จะรอดจากการถูกหัก 50 แต้มก็ต่อเมื่อไม่มีใครสามารถเก็บไพ่สเปโตไปใช้ได้จนกระทั่งวนกลับมาหาผู้ ที่ทิ้ง เช่นหากในกองกลางมี 4 ดอกจิกอยู่แล้ว ผู้เล่นใดที่ทิ้ง 2 ดอกจิกลงมาส่งผลให้ผู้เล่นคนอื่นสามารถเก็บชุด 2 3 4 ดอกจิกได้ ผู้นั้นจะถูกหัก 50 แต้ม


ไพ่ป๊อก

ไพ่ป๊อก


ไพ่ป๊อก หรือเรียกกันทั่วไปว่า ไพ่ ทำจากแผ่นพลาสติกหรือกระดาษแข็งขนาดประมาณฝ่ามือใช้เพื่อการเล่นเกมไพ่ มีรูปร่างและจำนวนหน้าหรือใบแตกต่างกันไปตามชนิดของไพ่ แต่ชนิดหรือแบบที่นิยมมากที่สุด หน้าไพ่แบบชาติตะวันตก คือไพ่หนึ่งสำรับจะมีจำนวน 52 ใบ ใน 52 ใบ จะหมายถึง สัปดาห์ทั้งหมดใน1ปี มี 52 สัปดาห์ เมื่อนำเลขมาบวกกันแล้วจะได้ 365 วัน ก็เท่ากับ 1 ปี รูปที่มีสีแดงหมายถึง กลางวัน รูปที่มีสึดำ หมายถึงกลางคืน และมีหน้าไพ่ที่ไม่เหมือนกัน ดังรูปด้านล่างนอกจากไพ่จะใช้ในการเล่นเกมไพ่แล้ว บางครั้งไพ่มักถูกนำไปใช้เป็นอุปกรณ์ในการเล่นมายากล หรือใช้ในการดูดวง และในหลายๆครั้งก็ถูกนำไปใช้ในการเล่นการพนันอีกด้วย


ไพ่ป๊อก ประกอบด้วย ไพ่ 4 ชุด ชุดละ 13 ใบ แต่ละชุดจะมีสัญลักษณ์ ได้แก่ โพดำ โพแดง ข้าวหลามตัด และ ดอกจิก ในชุด 13 ใบประกอบด้วยตัวเลข 2 ถึง 10 และมี J (แจ๊ค) Q (แหม่ม) K (คิง) A (เอซ)

ไพ่ต่างๆๆ Card


สลาฟ

สลาฟ (slave ภาษาอังกฤษอ่านว่า สเลฟ คนไทยอ่าน สลาฟ) เป็นเกมไพ่ชนิด หนึ่ง ที่ผู้เล่น 3 คนขึ้นไปพยายามที่จะทิ้งไพ่ให้หมดจากตัวเอง การเล่นไพ่ชนิดนี้นิยมเล่นในทุกวัยเนื่องจากกติกาที่เรียบง่าย และบางครั้งใช้เล่นในระหว่างการเดินทาง กฎและกติกาการเล่นไพ่สลาฟนั้นจะมีกฎแยกย่อยต่างกันนิดหน่อยขึ้นอยู่กับกลุ่ม ผู้เล่น โดยกฎทั่วไปจะมีคือ ไพ่หมายเลข 3 ดอกจิก จะเป็นไพ่ที่มีค่าต่ำสุด ขณะที่ 2 โพดำ จะมีค่าสูงสุด โดยการเล่นจะผลัดการวางไพ่คนละใบตรงกลางวง โดยให้แต้มมีค่าสูงกว่าไพ่ในกอง เมื่อไม่มีใครสามารถลงไพ่ได้สูงกว่าให้เริ่มต้นใหม่โดยผู้ลงคนสุดท้ายจะเป็น คนเริ่มต้น โดยผู้ที่ทิ้งไพ่ได้หมดก่อนจะได้เป็นกษัตริย์หรือคิง และผู้ที่ไม่สามารถทิ้งไพ่ได้หมดคนสุดท้ายจะถูกเรียกเป็นสลาฟ


ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา


การเล่นสลาฟมีความเป็นมาตั้งแต่ยุคกลางในสมัยศักดินา ซึ่งมีสงครามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้ชนะจะได้เป็นราชา ในขณะที่ผู้แพ้ต้องกลายเป็นทาส ว่ากันว่าผู้คิดค้นเป็นชาวยิปซี และในยุคแรกก็ใช้ไพ่ทารอท ซึ่งเป็นต้นแบบของไพ่ป็อกในปัจจุบัน ในการเล่น ไพ่แต่ละใบก็คือกองทหาร ส่วนการลงไพ่ก็คือการทำสงครามนั่นเอง


อุปกรณ์ ไพ่ หนึ่งสำรับ


1 ผู้เล่น 2-8 คน แนะนำ 3-6 คน

2 เวลาที่ใช้ 10-20 นาที ต่อเกม

3 ความยาก

3 ความสนุก

4 ทักษะที่ใช้ ดวง,การตัดสินใจ,การวางแผน


ขั้นตอนการเล่นสลาฟ


1. ในตาแรกทุกคนจะมีสถานะเท่าเทียมกันคือ พีเพิล หรือ ประชาชน

2. เริ่มเกมโดยแจกไพ่ ให้ผู้เล่นแต่ละคน ทีละใบ วนไปเรื่อยๆจนหมดกอง

3. ผู้เล่นที่มี สามดอกจิก ซึ่งมีค่าต่ำสุดจะได้วางไพ่เป็นคนแรก การวางไพ่ แบ่งเป็น เดี่ยว คู่ ตอง และ สี่ใบเหมือน โดยต้องเป็นเลขเดียวกันจึงจะลงพร้อมกันได้

4. ผู้เล่นคนถัดไป เรียงตามทิศที่แจกไพ่ ต้องตัดสินใจว่าจะ สู้ หรือไม่

1. การ สู้ คือลงไพ่ที่มีแต้มเหนือกว่าของผู้เล่นคนก่อนหน้า โดยต้องเป็นชนิดเดียวกัน (ยกเว้นเป็นการ ตบ ดูหัวข้อถัดไป)

2. เช่นถ้าคนแรกลง คู่ ก็ต้องสู้ด้วย คู่ที่เหนือกว่า

3. แต้มที่เหนือกว่า ตัวเลขเรียงจากต่ำไปสูงดังนี้ 3 4 5 6 7 8 9 10 J Q K A 2

4. ดอกไพ่เรียงจากต่ำไปสูงดังนี้ ดอกจิก ข้าวหลามตัด โพแดง โพดำ

5. การ ตบ การสู้ด้วยไพ่คนละชนิด (ปกติ ต้องเป็นชนิดเดียวกัน )

6. ไพ่ชุดตอง สามารถ สู้ไพ่ชุดเดี่ยวได้ทุกใบ

7. ไพ่ชุดสี่ใบเหมือน สามารถ สู้ไพ่ชุดคู่ได้ทุกใบ

5. ถ้าผู้เล่นตัดสินใจ ไม่สู้ ให้พูดว่า ผ่าน ผู้เล่นคนนั้นจะลงไพ่อีกไม่ได้จนกว่า จะมีการเริ่มลงไพ่ชุดใหม่

6. เมื่อผู้เล่นทุกคน พูดว่า ผ่านกันหมด ผู้ที่ลงไพ่คนสุดท้าย จะได้เริ่มลงไพ่ชุดใหม่

7. เมื่อผู้เล่นคนใดก็ตาม ลงไพ่จนหมดมือแล้ว ให้ถือว่าเป็นผู้ชนะคนแรก เรียงตามลำดับไปเรื่อย จนถึง คนสุดท้ายที่ไพ่หมดมือ

1. ผู้เล่นคนแรกที่ไพ่หมดมือ จะได้เป็น คิง หรือ ราชา

2. ผู้เล่นคนที่สองที่ไพ่หมดมือ จะได้เป็น ควีน หรือ ราชินี

3. ผู้เล่นคนรองสุดท้ายที่ไพ่หมดมือ จะได้เป็น รองสลาฟ หรือ เมียทาส

4. ผู้เล่นคนสุดท้ายที่ไพ่หมดมือ จะได้เป็น สลาฟ หรือ ทาส

5. ผู้เล่นคนอื่นๆ จะได้เป็น พีเพิล ต่อไป

8. ในตาถัดไป ให้ สลาฟเป็นคน ทำไพ่ และ แจกไพ่ (ใช้แรงงานทาส)

9. ก่อนเริ่มเล่น สลาฟต้องให้ไพ่ที่มีแต้มสูงสุด สองใบ ให้ คิง แลก กับไพ่ใบใดก็ได้ของคิงตามแต่คิงจะกรุณา สองใบ และ รองสลาฟฟต้องให้ไพ่ที่มีแต้มสูงสุด หนึ่งใบ ให้ ควีน แลก กับไพ่ใบใดก็ได้ของควีนตามแต่ควีนจะกรุณา หนึ่งใบ

10. ถัดจากตาแรก(ซึ่งไม่มีสลาฟ) สลาฟจะได้เริ่มเล่นก่อนเสมอ

11. เมื่อใดก็ตาม ที่คิงไม่สามารถ ดำรงตำแหน่งเอาไว้ได้ คิงจะต้องตกไปเป็นสลาฟในตาต่อไปทันที ตำแหน่งอื่นๆจะได้เลื่อนขึ้นตามลำดับในรอบนั้นๆ

12. คนที่มาขอเล่นระหว่างที่กำลังเล่นอยู่ จะต้องเป็นสลาฟ เว้นแต่ว่า คิงถูกล้มในตานั้น ผู้เล่นใหม่จะได้เป็น รองสลาฟ


กฎพิเศษ


1. ในบางที่ ถ้าควีนรักษาตำแหน่งไม่ได้ก็ต้องตกไปเป็นรองสลาฟด้วย

2. พีเพิล หรือประชาชน สามารถ ทำการค้าขายกันเองได้ โดยในช่วงที่ คิงกับสลาฟ และ ควีนกับรองสลาฟ แลกไพ่กัน พีเพิลสามารถแลกไพ่กันเองได้หนึ่งใบ โดยห้ามบอกกันว่าไพ่นั้นคืออะไร(ให้คว่ำไพ่ไว้ข้างหน้ารอให้มีพีเพิลด้วยกัน มาแลก สามารถโฆษณาได้แต่ไม่จำเป็นต้องพูดความจริง)

3. ที่ฮ่องกง และ มาเก๊า มี กฎ พิเศษ ดังนี้

1. เพิ่มไพ่ชุดเรียง ต้องมีดอกเดียวกันและเลขเรียงกันตั้งแต่สามใบขึ้นไป แต่ สามไม่สามารถต่อกับสองได้

2. เรียงที่มีจำนวนไพ่เป็นเลขคู่(เรียงสี่ใบ เรียงหกใบ)ตบชุดคู่และสี่ใบเหมือนได้

3. เรียงที่มีจำนวนไพ่เป็นเลขคี่(เรียงสามใบ เรียงห้าใบ)ตบชุดเดี่ยวและตองได้

4. เรียงที่มีจำนวนไพ่เท่ากันให้ดูที่แต้มของไพ่ที่มีค่ามากที่สุดในแต่ละชุด

5. เรียงที่มีจำนวนไพ่มากกว่า ตบ เรียงที่มีจำนวนไพ่น้อยกว่า ได้

6. เมื่อใดก็ตามที่มีการตบด้วยเรียง ค่าของไพ่จะกลับตารปัตร ทั้งหมด คือ 3 ดอกจิกสูงสุดและ 2 โพดำต่ำสุด แต่ลำดับการตบยังคงเดิม


ชื่อเรียกอื่น

สลาฟ ในต่างประเทศมีชื่อเรียกที่หลากหลาย เพรซิเดนต์ (President) แอสส์โฮล (Asshole) หรือ อาร์สโฮล (Arsehole) เป็นชื่อของเกมไพ่ลักษณะคล้ายกันที่เล่นในสหรัฐอเมริกา